นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones) มีอาการคล้ายกับโรคกระเพาะอาหารจึงถูกมองว่าไม่อันตราย เพียงแค่ซื้อยามารับประทานเองคงหายได้ แต่ในความจริงแล้วโรคนิ่วในถุงน้ำดีอาจเป็นอันตรายหากไม่ได้รับการรักษา ในบทความนี้จะมาเจาะลึกทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดรักษานิ่วในถุงน้ำดี ดังนี้
- นิ่วในถุงน้ำดี คืออะไร อาการเป็นอย่างไร
- นิ่วในถุงน้ำดี อันตรายไหม เมื่อไหร่ควรมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษา
- การวินิฉัยโรคนิ่วในถุงน้ำดี
- วิธีรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดี
- วิธีรักษาด้วยการ ‘ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี’ แบบผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic Cholecystectomy)
- การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี พักฟื้นกี่วัน และวิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
- ความเสี่ยงและผลข้างเคียงจากการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
- ทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลสมิติเวช
- ห้องผ่าตัด Critical Care Complex (CCC) นวัตกรรมการผ่าตัดยุคใหม่
- การตรวจคัดกรองก่อนผ่าตัด (COVID-19 Screening)
- บริการ Samitivej PACE ติดตามคนไข้ทุกสถานะการผ่าตัด
- บริการ Samitivej PROMPT พร้อมอยู่ข้างคุณทุกเวลา เมื่อพักรักษาในโรงพยาบาล
- ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี ราคาเท่าไหร่ ใช้สิทธิประกันภัยได้หรือไม่
นิ่วในถุงน้ำดี คืออะไร อาการเป็นอย่างไร
โรคนิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones) เกิดจากการเสียสมดุลระหว่างสารละลายหลักในถุงน้ำดี โดยสารละลายหลัก 3 อย่างในถุงน้ำดีที่ตับได้ขับออกมา คือ คอเลสเตอรอล ไขมันฟอสเฟต กรดน้ำดี จะต้องอยู่ในอัตราส่วนที่เหมาะสมพอดี หากผิดสัดส่วนเพียงนิดเดียวจะเกิดการตกตะกอนกลายเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้
อาการของนิ่วในถุงน้ำดี มีดังนี้
- ปวดท้อง ปวดเสียดท้องบริเวณลิ้นปี่ข้างขวา ปวดร้าวที่สะบักขวา โดยเฉพาะเวลาหลังอาหาร หรือหลังมื้ออาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง สาเหตุเกิดจากการอุดตันของปากถุงน้ำดี
- ปวดระบมที่ชายโครงขวา คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ เพราะถุงน้ำดีอักเสบอย่างเฉียบพลัน
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาหารไม่ย่อย เนื่องจากถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง
- ตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน) เนื่องจากนิ่วในถุงน้ำดีหลุดเข้าไป ทำให้ท่อน้ำดีใหญ่อุดตัน
- ปวดท้องส่วนบน (บางรายอาจปวดมากหากนิ่วในถุงน้ำดีมีอาการรุนแรง) อาเจียนมาก สาเหตุมาจากตับอ่อนอักเสบเพราะนิ่วไปอุดตันอยู่ที่ส่วนปลาย ของท่อตับอ่อน

นิ่วในถุงน้ำดี อันตรายไหม เมื่อไหร่ควรมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษา
อาการนิ่วในถุงน้ำดี หากไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ถุงน้ำดีอักเสบ นิ่วหล่นลงมาอุดตันท่อน้ำดี ตับอ่อนอักเสบ
หากคุณเริ่มมีอาการปวดท้องที่ชวนให้กังวลใจว่าอาจเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้ามีไข้ มีอาการดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือกดเจ็บตรงบริเวณใต้ชายโครงขวา ควรรีบไปโรงพยาบาลภายใน 24 ชั่วโมง
การวินิฉัยโรคนิ่วในถุงน้ำดี
เมื่อคนไข้เข้ามาพบแพทย์ เบื้องต้นแพทย์จะทำการซักประวัติตรวจร่างกาย และเจาะเลือด แต่หากมีเหตุปัจจัยให้สงสัยว่าอาจเป็นนิ่วในถุงน้ำดี แพทย์จะแนะนำให้คนไข้อัลตราซาวด์ตรวจบริเวณช่องท้องส่วนบน (จำเป็นต้องงดอาหารก่อนทำ 6 ชั่วโมง) เพื่อตรวจดูว่ามีนิ่วในถุงน้ำดีหรือไม่ ซึ่งการตรวจด้วยวิธีนี้ให้ผล แม่นยำมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์และทำได้อย่างรวดเร็ว แต่หากสงสัยว่ามีนิ่วในท่อน้ำดีใหญ่ด้วยจะใช้วิธีตรวจสอบด้วยการส่องกล้องผ่านกระเพาะลงไปตรวจที่ท่อน้ำดีใหญ่หรืออาจใช้เครื่อง MRI ก็ได้เช่นกัน

วิธีรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดี
จากสถิติการรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดีของแพทย์โดยส่วนใหญ่พบว่า การรับประทานยารักษามักไม่ค่อยได้ผล เนื่องจากยาไม่สามารถละลายก้อนนิ่วได้หมด รวมถึงเมื่อหยุดยาก็อาจเกิดนิ่วใหม่ได้ ส่วนเครื่องสลายนิ่วจะใช้ได้ดีเฉพาะนิ่วในท่อไต แต่ไม่ได้ผลสำหรับนิ่วในถุงน้ำดี
ปัจจุบันแพทย์จึงแนะนำให้ใช้วิธีการผ่าตัดถุงน้ำดีออก ซึ่งเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการผ่าตัดถุงน้ำดี แบบส่องกล้อง (laparoscopic cholecystectomy) ซึ่งจัดเป็นรูปแบบหนึ่งของการผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery หรือ MIS เป็นวิธีผ่าตัดที่เจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง แผลผ่าตัดเล็ก และฟื้นตัวไว
อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยที่มีปัญหาซับซ้อน เช่น ถุงน้ำดีบวมมาก หรือมีพังพืดล้อมรอบมาก ทำให้แพทย์ไม่สามารถแยกได้ชัดเจนจากอวัยวะข้างเคียง อาจยังคงต้องใช้วิธี ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี ด้วยวิธีเปิดแผลหน้าท้องแบบธรรมดา
วิธีรักษาด้วยการ ‘ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี’ แบบผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic Cholecystectomy)
ปัจจุบันการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้องได้ผลดีและเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยมาก เนื่องจากมีแผลขนาดเล็กเพียง 0.5 ซม. ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็ว สามารถกลับบ้านภายใน 1 – 2 วัน
วิธีการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบผ่านกล้อง แพทย์จะการเจาะแผลเล็ก ๆ บริเวณสะดือและชายโครงขวา เพื่อสอดกล้องขนาดเล็กและเครื่องมือเข้าไปตรวจดูนิ่วในถุงน้ำดี จากนั้นจึงทำการตัดเลาะถุงน้ำดีออก เมื่อเสร็จแล้วก็ดึงเครื่องและกล้องออกทำการเย็บปิดแผล เป็นอันจบขั้นตอนการรักษา
แม้การผ่าตัดแบบผ่านกล้องจะมีโอกาสสำเร็จมากถึง 95 % ก็ตาม แต่ผู้ป่วยที่มีภาวะถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันนานกว่า 3 วัน รวมถึงผู้ป่วยที่มีโรคอื่นๆ ร่วมหลายโรค อาจมีโอกาสที่จะผ่าตัดผ่านกล้องไม่สำเร็จ โดยแพทย์จำเป็นต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป
ดังนั้น เมื่อเกิดอาการน่าสงสัยว่าเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี จึงไม่ควรนิ่งนอนใจ หรือปล่อยไว้เป็นเวลานานจนอาจไม่สามารถรักษาด้วยวิธีผ่าตัดแบบผ่านกล้องได้
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น
- งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารว่าง ป้องกันการอาเจียนหลังระงับความรู้สึก
- การเตรียมทำความสะอาดร่างกายทั่วไปก่อนเข้ารับการผ่าตัด ได้แก่ การอาบน้ำและสระผม ถ้าผู้ป่วยทาเล็บให้ล้างเล็บออกเพื่อช่วยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสีเล็บขณะระงับความรู้สึกได้ชัดเจน
- ถ้าใช้ฟันปลอมชนิดติดแน่นหรือมีฟันผุฟันโยกควรแจ้งพยาบาล
ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี พักฟื้นกี่วัน และวิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
หากผ่าตัดนิ่งในถุงน้ำดีแบบส่องกล้อง คนไข้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 2-3 วัน ก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามเดิมได้ภายใน 1 สัปดาห์ แต่หากใช้วิธีการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีแบบเปิดหน้าท้อง คนไข้จำเป็นต้องพักที่โรงพยาบาล 5-7 วัน และยังต้องพักฟื้นอีกเป็นเวลา 3-4 อาทิตย์ โดยหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น
- ห้ามทำแผลผ่าตัดเปียกน้ำ จนกว่าจะตัดไหม ห้ามแคะ แกะ เกาแผลผ่าตัด เพื่อป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อ
- ในช่วง 4-6 สัปดาห์แรก ให้หลีกเลี่ยงการยกของหนัก การไออย่างแรง รวมถึงการเบ่งอุจจาระ
- รับประทานอาหารให้ที่มีประโยชน์ อาหารที่มีไฟเบอร์สูงเพื่อช่วยในการขับถ่าย เลี่ยงอาหารรสจัดและเลี่ยงอาหารไขมันสูง ดื่มน้ำให้มากเพื่อป้องกันอาการท้องผูก
- สังเกตอาการผิดปกติ เช่น หลังผ่าตัด มีอาการไข้สูง ควรรีบมาพบแพทย์
ความเสี่ยงและผลข้างเคียงจากการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
ความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดถุงน้ำดีนั้น คนไข้อาจมีอาการดังต่อไปนี้
- ตกเลือดในช่องท้อง
- ผ่าตัดถูกท่อน้ำดีใหญ่ ทำให้น้ำดีรั่ว ช่องท้องอักเสบ ท่อน้ำดีใหญ่อุดตันมีอาการดีซ่าน
- เจาะถูกอวัยวะข้างเคียง (โดยเฉพาะผู้ที่เคยผ่าตัดช่องท้องมาก่อน)
การผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ จะช่วยให้ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนลดน้อยลง
ทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลสมิติเวช
รู้จักกับคุณหมอชิงเยี่ยม ปัญจปิยะกุล
นายแพทย์ชิงเยี่ยม ปัญจปิยะกุล ศัลยแพทย์ด้านการผ่าตัดรักษาโรคที่เกี่ยวกับลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มีประสบการณ์การผ่าตัดแบบส่องกล้องและการผ่าตัดแบบเปิด (ในเคสที่ไม่สามารถผ่าตัดส่องกล้องได้) มานานกว่า 40 ปี ทั้งการผ่าตัดส่องกล้องริดสีดวง ผ่าตัดรักษาโรคไส้เลื่อน ผ่าตัดรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดี ผ่าตัดรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ ผ่าตัดรักษาไส้ติ่งอักเสบ มากกว่า 1,000 ราย
รู้จักกับคุณหมอภัคพงศ์ วัฒนโอฬาร
นายแพทย์ภัคพงศ์ วัฒนโอฬาร มีความชำนาญด้านการผ่าตัดส่องกล้อง โดยใน 10 ปีที่ผ่านมา คุณหมอผ่าตัดส่องกล้อง Laparoscopic surgery (MIS) มามากกว่า 1,500 ราย ในจำนวนนี้เป็นการผ่าตัดไส้เลื่อน มากกว่า 500 ราย คุณหมอภัคพงศ์ วัฒนโอฬาร จบการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 2 คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และยังได้รับประกาศนียบัตรแพทย์เฉพาะทางอนุสาขาผ่าตัดส่องกล้องศัลยศาสตร์ทั่วไป คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
รู้จักคุณหมออภิชาติ ธนพัฒน์เจริญ
นายแพทย์อภิชาติ ธนพัฒน์เจริญ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านศัลยกรรมทั่วไป โดยคุณหมอมีความชำนาญด้านการผ่าตัดส่องกล้องนิ่วในถุงน้ำดี Gallstone and Laparoscopic Surgery (MIS) รวมถึงการผ่าตัดรักษาโรคริดสีดวงทวาร คุณหมออภิชาติ ธนพัฒน์เจริญ จบการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังได้รับวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขาศัลยศาสตร์
การตรวจคัดกรองก่อนผ่าตัด (COVID-19 Screening)
เพิ่มความมั่นใจในการผ่าตัดให้ปลอดภัย ห่างไกล COVID-19 โดยมีบริการตรวจหาเชื้อก่อโรค COVID-19 ก่อนการผ่าตัดในผู้ป่วยทุกราย และบริการตรวจฟรีในทุกการผ่าตัด ที่มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ กรุณานัดหมายล่วงหน้าและตรวจก่อนผ่าตัด 1-2 วัน
มาตรฐานป้องกันไวรัส COVID-19 ในโรงพยาบาลสมิติเวช
มาสมิติเวช สบายใจได้ในทุกการสัมผัส เพราะเราใช้เทคโนโลยีฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UVC ที่ช่วยลดการปนเปื้อนและลดโอกาสในการติดเชื้อ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า 90% โดยเราใช้เทคโนโลยีนี้ฆ่าเชื้อโรคบริเวณพื้นผิวที่ได้รับการสัมผัสเป็นประจำ เช่น ห้องพักผู้ป่วย เตียงผู้ป่วย ห้องผ่าตัด ห้องน้ำ เครื่องมือทางการแพทย์ และอุปกรณ์อื่นๆ
บริการ Samitivej PACE ติดตามคนไข้ทุกสถานการณ์ผ่าตัด
เพราะ #เราไม่อยากให้ใครกังวล โรงพยาบาลสมิติเวชจึงมีบริการ Samitivej PACE ระบบติดตามทุกสถานะการผ่าตัด ช่วยให้เราสามารถรู้สถานะคนไข้ว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนใด เช่น กำลังอยู่ในห้องผ่าตัดหรือห้องพักฟื้น โดยไม่ว่าญาติผู้ป่วยจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเข้าไปดูสถานะการผ่าตัดได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านมือถือ เพียงแอดไลน์ @Samitivej และรับรหัสการเข้าใช้งาน
บริการ Samitivej PROMPT พร้อมอยู่ข้างคุณทุกเวลา เมื่อพักรักษาในโรงพยาบาล
ด้วยระบบติดตามแผนการรักษาสำหรับผู้ป่วยใน แสดงข้อมูลกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วย รายชื่อทีมแพทย์และผู้ดูแล พร้อมระบบฝากข้อความถึงแพทย์ที่ให้การรักษา รวมถึงให้ผู้ป่วยเลือกเวลางดรบกวนได้ และยังมีการแสดงค่ารักษาพยาบาลด้วย แอดมิดเมื่อไหร่ ก็อุ่นใจได้ เพียงแจ้งความประสงค์การใช้ระบบกับพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ที่ดูแลท่าน
หมายเหตุ: เฉพาะแพทย์และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลเท่านั้น ที่มีสิทธิ์เข้าถึงแอปพลิเคชันนี้
ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี ราคาเท่าไหร่ ใช้สิทธิประกันภัยได้หรือไม่
สมิติเวชมีทีมพร้อมช่วยเหลือและให้บริการ
- ปรึกษาแผนการรักษากับแพทย์ วีดีโอคอลผ่านทางออนไลน์ (Second Opinion)
- วางแผนการรักษาหากมีประวัติการรักษาหรือใบประเมินราคาจากโรงพยาบาลอื่น
- วางแผนค่าใช้จ่ายโดยทีมประเมินราคา พร้อมการันตีราคาให้ (เฉพาะหัตถการที่มีแพ็กเกจที่ไม่มีความซับซ้อน)
- ตรวจสอบสิทธิความคุ้มครองเบื้องต้นกับบริษัทประกัน ทั้งไทยและต่างประเทศ (เฉพาะบริษัทประกันคู่สัญญา)